พูดถึงอาหารรัสเซีย คงมีน้อยคนที่จะมาเล่าให้ฟังได้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง เพราะด้วยสภาพอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บ หลายคนเลยไม่นึกอยากไปเที่ยวสักเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงแล้วที่นี่เองก็มีที่เที่ยวสวยๆ น่าสนใจไม่แพ้หลายที่ในยุโรปเลย รวมถึงเรื่องของอาหารการกินที่ถ้าคุณได้ลองทำความรู้จักซะหน่อยก่อนไปล่ะก็ ต้องทำให้การเดินเที่ยวในรัสเซียสนุกขึ้นแน่นอนครับ
อาหารรัสเซียส่วนมากแล้วจะเน้นความเรียบง่าย ใช้เครื่องปรุงรสไม่มาก เน้นวัตถุดิบหลากหลาย ทั้งสลักผัก ซุปจืด ธัญพืช ข้าวประเภทต่างๆ โดยมีขนมปังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตหลัก การได้ไปลิ้มลองรสชาติอาหารรัสเซียแท้ๆ จึงเหมือนได้ไปลองศึกษาวัฒนธรรมของชาวรัสเซียไปด้วยในตัวครับ รัสเซียเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โทดอกซ์ที่เคร่งครัดมาก ในหนึ่งปีจะมีหลายวันที่พวกเขาจะงดการกินเนื้อ ไข่ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมทั้งหลาย การที่จะทำให้อาหารที่มีแต่ผักมีรสชาติมากยิ่งขึ้น จึงต้องใช้เครื่องเทศเป็นส่วนประกอบด้วย ทำให้ติดรูปแบบการบริโภคมาจนทุกวันนี้
1. ชี้ (Shchi)
ซุปกะหล่ำปลีที่เป็นอาหารคู่ครัวชาวรัสเซียมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9นับจากวันที่ชาวไบแซนไทน์นำกะหล่ำปลีเข้ามาเพาะปลูกยังดินแดนแห่งนี้ เพราะทำง่ายๆ ทานได้ทุกมื้อ ส่วนผสมหลักจะมีแค่กะหล่ำปลี หัวหอม และเนื้อสัตว์บ้างตามชอบ จนมายุคหลังๆ จะเริ่มมีการใส่เครื่องเทศอื่นๆ ลงไปด้วย เช่น พริกไทดำ เบย์ลีฟ มันฝรั่ง ฯลฯ
2. แชชลิค (Shashlyk)
แชชลิค แม้จะไม่ใช่อาหารรัสเซียแท้ๆ แต่มันก็เข้ามาเผยแพร่อยู่ในดินแดนนี้มาอย่างช้านานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ไปแล้วเรียบร้อย แรกเริ่มนั้นนำเข้ามาจากจอร์เจีย (หนึ่งในประเทศที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองสหภาพโซเวียต) การทำแชชลิคคือนำเอาเนื้อสัตว์ต่างๆ ได้ทั้งเนื้อ ไก่ หมู มาหมักจนเครื่องซึมทั่วถึงทั้งชิ้น แล้วนำไปเสียบไม้ย่างจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมขนมปังหอมกรุ่น ผักดอง และซอสมะเขือเทศ เมนูนี้เป็นสตรีทฟู้ดที่หาได้ทั่วไปในรัสเซียด้วย
3. โบร์ช (Borshch)
ซุปสีแดงเข้มที่เปรียบได้ดั่งซุปประจำชาติรัสเซีย โบร์ช ทำจากบีทรูทเพื่อให้ได้น้ำสีแดงสวย และผักอีกหลายชนิด เคี่ยวด้วยเนื้อสัตว์จนนุ่ม เวลาเสิร์ฟจะใส่ซาวครีม (ครีมรสเปรี้ยว) ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความเข้มข้นกลมกล่อม ปกติแล้วชาวรัสเซีนจะนิยมรับประทานซุปนี้ในวันที่มีอากาศหนาว
4. สโตรกานอฟ (Stroganoff)
อาหารจานเนื้อคู่ครัวชาวรัสเซียตั้งแต่โบราณ เป็นสตูว์เนื้อรสชาตินุ่มนวล แต่ซอสจะมีความข้นครีมมี่จากซาวครีม และเห็ดหลากหลายชนิด ชิ้นเนื้อในอาหารจานนี้จะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำทั้งหมด เพราะเมนูนี้นำเอาชื่อของ “สโตรกานอฟ” นายทหารที่ร่วมรบในสงครามกับพระเจ้าปีเตอร์ จากสงครามทำให้เขาต้องเสียแขนไปข้างหนึ่ง เมื่อเขาได้รับเชิญเป็นแขกในงานพระราชทานเลี้ยง พระเจ้าปีเตอร์จึงมีบัญชาให้ห้องเครื่องจัดเตรียมอาหารที่สามารถรับประทานได้สะดวกด้วยมือเดียวนั่นเอง
5. เปลมินี่ (Pelmeni)
เปลมีนี่นั้นเรียกไดว่าเป็นดั่งเกี๊ยวของฝั่งยุโรปเลยก็ว่าได้ รสชาติดีมีไส้หลายแบบ ทั้งเนื้อ เห็ด หรือผักที่ล้สนแต่อัดแน่นด้วยสมุนไพร มีวิธีรับประทานได้หลายแบบ แต่ที่นิยมที่สุดคือเสิร์ฟมาในน้ำซุปรสกลมกล่อม หรือจะจิ้มกับซาวครีมก็ได้
6. Pirozhki
Pirozhki จะเป็นพายไซส์มินิ ไส้ก็มีหลายแบบคล้ายๆ กันกับเปลมินี่เลย แต่พายนี้จะทำให้สุกได้หลายแบบทั้งทอด และอบ ไส้ยอดนิยมจะเป็นกะหล่ำปลี มันฝรั่ง ไข่ ชีส ฯลฯ นี่เป็นหนึ่งในเมนูที่หาได้ทั่วไปตามร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ และแผงลอยข้างถนน
7. โปลฟ (plov)
เมนูข้าวผัดที่แม้จะไม่ใช่อาหารรัสเซียแท้ๆ แต่อย่าลืมว่าแต่ก่อนที่นี่มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่มาก ชาวเอเชียกลางที่อาศัยอยู่ในรัสเซียก็มีเยอะเช่นกัน สำหรับเมนูโปลฟนี้เองส่งตรงจากอุซเบกิสถาน เป็นข้าวผัดที่ทำได้ง่ายจึงเป็นที่นิยมกินอย่างแพร่หลาย ใส่เนื้อได้หลายอย่างตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นแกะ ไก่ หรือเนื้อ
8. สลัดปลาแฮริ่ง (seld pod shuboy)
ในภาษารัสเซีย คำว่า seld pod shuboy มีความหมายว่า "ปลาที่ห่มด้วยขนสัตว์" เป็นการอธิบายหน้าตาของสลัดจานนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะจะต้องทำเป็นชั้นๆ เรียงลงมาตั้งแต่มันฝรั่ง แครอท บีทรูท ไข่ และปลาแฮริ่ง ด้วยความที่ปลาแฮริ่งรสชาติจะออกเค็ม การรับประทานพร้อมผักสลัดจึงทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น
9. แพนเค้กรัสเซีย (Blini)
ของหวานยอดนิยมของรัสเซีย ของที่นี่จะเป็นแผ่นบางๆ ไม่ฟูใหญ่ รับประทานได้ทั้งแบบคาว และหวาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับท็อปปิ้งที่ใช้ เช่น แซลมอนรมควัน ไข่ปลาคาร์เวียร์ ซาวครีม แยม น้ำผึ้ง ฯลฯ นอกจากนั้นเพนเค้กยังถูกนำไปเป็นอาหารในเทศกาลอำลาฤดูหนาวของรัสเซียด้วย ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี
10. ควาส (Kvass)
เครื่องดื่มน้ำดำประจำรัสเซีย นิยมดื่มเพื่อดับกระหายในหน้าร้อน ทำจากข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาเล่ย์ และขนมปังดำ (ขนมปังท้องถิ่นของรัสเซียมีสีดำเข้ม) แต่งรสและกลิ่นด้วยผลไม้ ลูกไม้ เปลือกไม้ หมักกันได้ง่ายๆ ทำกันทั่วไปตามบ้านเลย ถ้าใครอยากดื่มแบบสดๆ หอมๆ ต้องรอหน้าร้อน แต่ที่หาได้ในซุปเปอร์ก็พอกล้อมแกล้มได้เหมือนกัน และที่สำคัญ ควาสเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก (ประมาณ 1-1.5 เปอร์เซ็นต์) เด็กก็ดื่มได้ จนบางครั้งคนเรียกมันว่าเป็นเบียร์เด็กก็มี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น